ทำไมเอาความรวยไปติดกับความชั่ว


ทำไม? เอา "ความรวย" ไปติดกับ "ความชั่ว"


 เห็นคนรวย มีเงิน ก็ระแวงว่า รวยเพราะคอรัปชั่นแน่เลย นี่ต้องเป็นคนไม่ดี
เห็นคนนำเงินไปทำบุญถวายวัด ถวายพระ ก็ระแวงว่า พระต้องรวยแน่เลย 
นี่ต้องเป็นพระไม่ดี

ไม่คิดบ้างหรือว่า คนเรานั้นรวยได้ เพราะมีอุปนิสัยที่ดี ขยันทำงาน ตื่นเช้า 
รู้จักใช้จ่ายและบริหารเงิน ไม่ยุ่งเกี่ยวอบายมุข 
ที่สำคัญคือไม่เสียเวลานินทาชาวบ้าน แต่ใช้เวลาไปจดจ่อแต่เรื่องดีๆ 
เช่น การรักษาสุขภาพและการพัฒนาตนเองทุกด้าน จนมีศักยภาพมากพอ 
ที่จะประกอบอาชีพที่ดี มีรายได้ดี
และคนรวยจำนวนมากก็ติดดิน มีน้ำใจ ใช้จ่ายส่วนตัวอย่างสมถะ 
เพื่อนำเงินไปสร้างสาธารณะประโยชน์ มีความสุขกับการให้ 

มหาเศรษฐีของโลกหลายคนเป็นแบบนี้ เช่น 
บิลล์ เกตส์ ซึ่งตอนนี้หันมาทำด้านการกุศลอย่างจริงจัง 
และมีจำนวนเงินบริจาคทั้งหมด 27 พันล้านดอลล่าห์ หรือ 

วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่มีจำนวนเงินบริจาคทั้งหมด 21.5 พันล้านดอลลาร์ 
โดยในปี 2006 เขาบริจาคเงิน 85% ของทรัพย์สินเขาให้มูลนิธิต่างๆ 

และได้ร่วมกับ บิลล์ เกตส์ ก่อตั้งโครงการ Giving Pledge ที่เป็นแคมเปญในการ
ให้มหาเศรษฐีและผู้มีฐานะร่ำรวยร่วมบริจาคเงินให้กับการกุศล




ที่เมืองไทยมีผู้หญิงคนหนึ่ง มีกิจการส่วนตัวเล็กๆ ไม่มีหนี้สิน 
มีเงินทำบุญเดือนละหลักแสนบาท แต่ใช้ชีวิตส่วนตัวแบบ กินข้าวต้มและอาหารง่ายๆ 
ที่ดีต่อสุขภาพ ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย มีกลุ่มเพื่อนที่ชวนกันไปออกกำลังกายและทำบุญ
 มีสุขภาพดี มีความสุขกับการใช้ชีวิตเรียบง่ายและมีความสุขกับการให้ผู้อื่น

บางคนอาจจะบอกว่า 
"ว้าย ถ้าเป็นชั้น เครียดตายเลย ทำไม! โง่งมงายอย่างงี้ ทำไมไม่เอาเงินไปเที่ยวห้าง 
ช้อปปิ้ง ศัลยกรรม เที่ยวกลางคืน หาความสุขสบายให้ตนเองก่อนสิ"

อ๊ะๆ ๆ ตาวิเศษเห็นนะ 
ได้โปรดอย่าเอามาตรฐานชีวิตคุณไปตัดสินผู้อื่น  
คนที่ไม่ได้คิด ไม่ได้ทำเหมือนคุณ ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนโง่งมงายนะ
ความสุขแบบคุณก็เป็นเรื่องของคุณ ความสุขแต่ละคนไม่เหมือนกัน 
คนดีจริงๆ นั้นไม่ว่าร้ายใคร

หรือเห็นคนนำเงินไปถวายพระ ก็มองว่าพระรวย มีเงินเยอะ 
ต้องนำเงินไปเสวยสุขส่วนตัวแน่เลย?
คนถวายเงินพระนี่โดนหลอกแน่เลย?
ทำไมไม่คิดบ้างล่ะว่า ที่ญาติโยมศรัทธาไปทำบุญกับท่าน เพราะมีปัญญาเห็นว่า 
ท่านเป็นพระที่ดีจริงๆ ซึ่งท่านก็ต้องอดทน ฝึกตน อย่างมาก ไม่ได้สบายเลย 
การสนับสนุนท่านให้ได้ทำประโยชน์แก่พระศาสนาอย่างเต็มที่ เป็นสิ่งที่เป็นบุญกุศล
การทำให้คนศรัทธาไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเป็นพระที่ดีจริงๆ ฝึกตัวจริงๆ

..ยิ่งไปกว่านั้นการรักษาศรัทธาให้ยาวนานยิ่งยากกว่า
พระที่ท่านดูแลวัดที่ได้รับเงินบริจาคเยอะ ก็ไม่ได้หมายความว่า 
พระรวยแล้วนำเงินไปใช้ในทางไม่ดี หลายๆ วัดที่มีความพร้อมในเรื่องสัปปายะ 4 
อันมีแรงดึงดูดให้คนมาปฏิบัติธรรม 
โดยทั้ง อาหาร สถานที่ บุคคล ธรรมะ เป็นที่สบาย 
ก็เพราะเจ้าอาวาสและกรรมการวัด รู้จักใช้จ่ายและบริหารเงิน โดยเงินที่ท่านได้รับบริจาคมา 
ทั้งส่วนตัวหรือส่วนกลางต่างก็นำมาพัฒนาสัปปายะ 4 ของวัด ด้วยจิตบริสุทธิ์ 
มุ่งหวังเผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กว้างไกล 
ความจริงแล้ววัดเจริญ วัดรวย มีความพร้อม แต่เจ้าอาวาสจนก็มี 
เพราะนำเงินมาอุปถัมภ์วัดหมด!!!

ซึ่งเราชาวพุทธ ควรภูมิใจ ที่มีวัดเจริญรุ่งเรือง มีความพร้อมในสัปปายะ 4 
ควรสนับสนุนให้มีวัดแบบนี้เยอะๆ เป็นหน้าที่ของเราชาวพุทธ 
ซึ่งผู้ที่ได้ประโยชน์คือ ชาวพุทธทุกๆ คน  เพราะวัดไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของใคร

          สรุปคือ อย่าเอาความรวย และความจน ไปตัดสินคน เพราะมันแคบเกินไป 
พึงแบ่งให้รอบด้าน ดังนี้
          1. คนรวยที่เป็นคนดี
          2. คนรวยที่เป็นคนไม่ดี
          3. คนจนที่เป็นคนดี
          4. คนจนที่เป็นคนไม่ดี
ที่สำคัญ หันมามองตัวเอง ตอนนี้คุณเป็นคนแบบไหน 
และจริงๆ แล้วอยากเป็นคนแบบไหน จากทั้ง 4 แบบนี้


ด้วยความปรารถนาดี

   ท. ท่าพระจันทร์
Share on Google Plus

About peace4world

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น